วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

คนไทย

นักลงทุนญี่ปุ่นพูดถึงคนไทย
นายเซ็ทซึโอะ อิอุจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำกรุงเทพ (Japan External Trade Organization,Bangkok : JETRO Bangkok) ระบุว่า ไทยอาจไม่เป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุน เหมือนที่ผ่านมาในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น โดยได้แสดงทรรศนะถึง “จุดอ่อน” ของคนไทยไว้ 10 ข้อ คือ*
1 . คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมากโดยเฉพาะ หน้าที่ต่อสังคม คือ เป็นประเภท มือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดเป็นธุรกิจการเมืองธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติ ล้าหลังไปเรื่อยๆ
2. การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่าง ๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตามหลังชาติอื่น คนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก เพื่อโอกาสที่ดีกว่า
3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงาน แบบเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอนมีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน
4. ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้า หรือทำด้วยความเกรงใจต่างกับ คนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับ สัญญาหรือข้อตกลงอย่างเคร่งครัดเพราะหมายถึง ความเชื่อ ถือในระยะยาว ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือด้านนี้ลงเรื่อย ๆ
5. การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลจะขาด โอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง และชุมชนซึ่งเป็น หน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม
6. การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง และดำเนินการ ไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจ หรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน
7. อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี้ยงเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนมีอำนาจ มีเงินโดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูก แล้วไปเกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่าผู้ก่อการร้าย ดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว
8. เอ็นจีโอค้านลูกเดียว เอ็น จีโอ บางกลุ่มอิงอยู่กับ ผลประโยชน์ บ่อยครั้งที่ต้องเสียโอกาสอย่างมหาศาล เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริง ๆ ไม่ได้พูดกัน
9. ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือ ในเวทีการค้าระดับโลกยังขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดีทำให้สู้ประเทศเล็ก ๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้
10. เลี้ยงลูกไม่เป็น ปัจจุบัน เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะการเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูก ช่วยตัวเอง ไม่กระตือรือร้น ในการช่วยตนเองขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเองและไม่สอนให้สำนึกผิดชอบต่อสังคม

เริ่มต้นแก้ไข คือ คำตอบสุดท้าย
*ครูนัด 8 โมง มา 8 โมง 15 8 โมงครึ่ง (ก็มาแล้วไง) เรียน 10 โมง เข้าเรียน 10.10 น. แล้วขออนุญาตเข้าห้องน้ำ อีก 20 นาที
*ไม่อ่าน lecture ก่อนเข้าเรียน  แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า เรียนอะไรมาบ้าง
*ไม่อ่านหนังสือก่อนเข้าเรียน แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า จะเรียนอะไร
*เข้าเรียนไม่จด lecture แล้วจะทราบได้อย่างไรว่ามีเนื้อหาไหน ไม่อยู่ในหนังสือ
คนทำก็มี (น้อย) คนไม่ทำ มาก

อีก 1 บทความ
บทวิเคราะห์ อีก 20 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่าคนไทยจะโง่ลง และเขมร พม่า แขก จีน ฝรั่ง จะเข้ามายึดอาชีพคนไทยเกือบหมด คนไทยจะเป็นลูกจ้างคนพวกนี้

1. เด็กไทยสมัยนี้สนใจแต่โทรศัพท์ เล่นไลน์กันทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน นอนดึกตื่นสาย หนังสือไม่สนใจเรียน ตื่นไม่ทันโรงเรียน เลยกินข้าวเช้าไม่ทัน พอสายก็หนีไปกินข้าว ขาดเรียนชั่วโมงแรกวิชาหนึ่ง รุ่งขึ้นแบบเดิม เป็นอย่างนี้ทุกวัน ก็หมดทุกวิชา เมื่อเรียนไม่ทัน ไม่รู้เรื่องก็เบื่อ ก็ชวนกันหนีเรียนไปตั้งแก๊งค์ ไปติดยา มั่วเซ็กซ์
ใครเรียน...ก็แกล้งก็กวน ก็เลยทำให้ทั้งห้องเหมือนกันหมด ความรู้(ไม่)เก่งเหมือนกันหมด ไอ้เรื่องที่จะให้ทบทวนให้ทันเขา บอกได้คำเดียวว่า “ยากมาก”

2. ครูก็สอนไปตามหน้าที่ ลองไปเข้มงวดลูกท่านซิ...เดี๋ยวพ่อเสือแม่เสือก็มาถึงโรงเรียนอีก ผู้บริหารยังต้องเกรงใจเลย ครูก็เลยปล่อยไม่ยุ่งด้วย...เด็กก็ได้ใจเพราะได้แบ็ค (พ่อแม่รังแกฉัน...เข้าใจมั้ย...พ่อแม่บางคนไม่รู้เรื่องว่าอะไร ?)

3. การวัดผล เด็กสอบตกก็ต้องยัดเยียดให้ผ่านให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่อครูว่าสอนไม่เก่ง แถมถูกผู้ปกครองด่าอีก
กฎหมายใหม่ก็เอื้อให้ทำโทษเด็กไม่ได้ จะเรียกเด็กมาสอบใหม่ ท่านไม่มาสอบ เอ้า...เอาคำตอบไปลอก อ้อนวอนสารพัดจนเด็กผ่านไปได้ โล่งอก ขนาดได้เกรด 1.8 ก็ผ่านได้ ทั้งที่มันแค่ 40% ผ่านได้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว นี่ไงความรู้ของเด็กไทยขณะนี้โดยทั่วไป

4. การเข้าทำงาน เก่งไม่ค่อยจะได้ แต่ถ้ามีเส้นถึงจะ Ok ต่อไปเราจะได้ปลัดกระทรวงที่เก่งมากๆ แต่มาจากเส้น ได้ข้าราชการที่เก่ง ก็มาจากเส้นอีก

5. เด็กสมัยนี้ทำอะไรไม่เป็น ไม่ยอมลำบาก ไม่อดทนต่อความลำบาก (สังเกตให้ดี ลูกๆเราเป็นอย่างงี้มั้ย ถ้าเป็นครู ลูกศิษย์เราเป็นอย่างงี้มั้ย) ไม่มีวินัย พอเข้าทำงาน เจอระเบียบวินัย เจอเข้มงวด เจองานหนักเข้าก็มาบ่นให้พ่อแม่ฟัง ถ้าพ่อแม่มีตังค์ มีอำนาจ (เลี้ยงลูกแบบคุณหนู) จะบอกลูกว่าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ลาออกมาพ่อแม่เลี้ยงได้ เด็กก็เลยได้ใจ ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว

พอได้ครอบครัวก็เอาผัวเอาเมียมาเกาะพ่อแม่กิน พอพ่อแม่ตาย สมบัติพอมี ก็ขายกินอีก ขยับขยายทำให้กำไรไม่เป็น แล้วรุ่นหลานจะเอาอะไรขายกิน หลานเหลนก็ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีก

6. เดี๋ยวนี้เราจะเห็นแขก พม่า เขมร และต่างชาติ ต่างมาค้าขายในไทยมากแล้ว และรัฐก็ยกเลิกมาตรการต่างๆ ให้ต่างชาติทำได้ ตอนแรกก็ขายพวกเดียวกันก่อน ต่อมาก็ขายคนไทย ตอนนี้ก้าวหน้า มีผัวไทยเมียไทย จ้างคนไทยเป็นลูกมือ แล้วต่อไปก็ครองเศรษฐกิจ แบบแถวแม่สาย แม่สอด มุกดาหาร หนองคาย กรุงเทพฯ และทั่วทุกเมือง

นี่เป็นเพราะพวกเรามองไม่เห็นภัยที่กำลังคืบเข้ามา ยังสนุกอยู่ ยังมีพ่อมีแม่อยู่ พอพ่อแม่ตาย สมบัติเก็บไม่อยู่แน่ เพราะไม่มีความรู้ในการบริหารงานทำงาน กฎหมายไม่คุ้มครอง ทุกอย่างจะเสียเปรียบหมด เงินทองจะเสียเร็วมาก กว่าจะฉลาดก็หมด หรือเกือบหมด ตัวทีนี้แหละจะอยู่ด้วยความแร้นแค้นละ...

ช่วยกันคิดนะครับว่าจะทำอย่างไรจึงทำให้ความเห็นข้างบนนี้ไม่จริง เป็นเพียงการพูดจาเพ้อเจ้อไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

อย่าให้เป็นจริงเลยแม้แต่ข้อเดียว!.......

11 ความคิดเห็น:

  1. แสดงความคิดเห็นได้ครับ จะเอาคะแนน ก็จะเป็น 2 คะแนน ไม่เอาคะแนน ก็ วงเล็บไว้ตอนท้ายเลย

    ตอบลบ
  2. นางสาวชัญญานุช ฟักปลั่ง เลขที่5 5901190069
    เราควรวางแผนในชีวิตและก็หัดเป็นคนที่ตรงต่อเวลามันจะทำให้เราเป็นคนมีระเบียบวินัยซึ่งส่งผลดีแก่ตัวเรา การที่เรารู้สึกการแสวงหาความรู้มันส่งผลดีแก่ตัวเราเพราะเราจะหวังพึ่งใครไม่ได้เราต้องพึ่งตัวเองเท่านั้นถึงจะอยู่รอดในสังคมได้ค่ะ

    ตอบลบ
  3. นางสาวชนิตา พันธ์บุตร เลขที่8 5901190090 ขอแสดงความคิดเห็นคะ
    1.เราควรจัดลำดับเวลาว่าเวลาไหนควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร
    2.ยอมรับสิ่งแปลกใหม่รอบข้างไม่ควรยึดติดกับอะไรเดิมๆที่เรามั่นใจเพราะมันอาจจะล้าหลังชาวบ้าน
    3.ควรฟังผู้อื่นอย่ายึดติดกับความคิดของตนเองผู้เดียว
    4.ทำอะไรก็ควรทำให้สำเร็จตั้งใจทำไม่ใช่รีปๆทำส่งแบบไม่ละเอียด

    ตอบลบ
  4. นางสาว ธันทิวา พูลผล 5901190236 เลขที่ป้าย 19 เอาคะแนนคะ
    1. เราต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ต่อตนเองหรือหน้าที่ต่อสังคม
    2. เรียนรู้ ฝึกฝน สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ทำความเข้าใจกับภาษาต่างประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์มากต่อการเข้าทำงาน การแข่งขันต่างๆ อีกทั้งยังใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน และไม่ทำให้ถูกหลอกได้ง่ายจากคนต่างชาติ
    3. มีการทำงานที่เป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน และมีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน
    4. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ให้ความสำคัญกับสัญญาหรือข้อตกลงอย่างเคร่งครัด
    5. หน่วยงานภาครัฐควรให้ความเท่าเทียม ความเสมอภาค แก่ประขากรทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในตัวเมืองหรืออยู่ในชุมชนที่ห่างไกลออกไป ก็ควรได้รับโอกาสในการพัฒนาชีวิตของตนเองอย่างเท่าเทียมกัน
    6. การลดช่องว่างทางกฎหมาย การบังคับกฎหมายที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือว่าผู้มีอำนาจ ก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายเช่นเดียวกัน
    7. ยกย่องคนที่มีจิตใจดี ไม่ใช่ยกย่องคนที่มีแต่อำนาจ
    8. การแก้ปัญหาด้วยการใช้เหตุผล ไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตน
    9. เสริมสร้างทักษะความน่าเชื่อถือในเวทีการค้า และสามัคคีกันเพื่อสร้างทีมเวิร์คที่ดี
    10. พ่อแม่ควรศึกษาวิธีการเลี้ยงลูก ให้ลูกได้เรียนรู้การใช้ชีวิต เพื่อให้ลูกสามารถพึ่งพาตนเองได้ และใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้อย่างมีความสุขไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน
    11. สนใจโลกภายนอกบ้าง อย่ามัวแต่หมกมุ่นกับโลกโซเชียลมากนะ ใช้โซเชียลให้เกิดประโยชน์อย่าให้เกิดโทษ
    12. พ่อแม่ไม่ควรสนับสนุนลูกในทางที่ผิด หากผิดก็ว่าไปตามผิด การที่ครูเข้มงวดถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะแสดงถึงการเอาใจใส่นักเรียน พ่อแม่ไม่ควรตามใจลูกมากจนเกินไป
    13. มีการเอาใจใส่ต่อการเรียน ตั้งใจเรียน เพื่อคุณภาพการศึกษาที่ดี
    14. ต้องมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดเรื่องการรับบุคลากรเข้าทำงาน จะต้องได้คุณภาพจริงๆ ไม่เกี่ยวกับเส้นสายใดๆทั้งสิ้น
    15. มีความอดทนต่อความยากลำบาก อุปสรรคต่างๆที่เข้ามาย่อมเป็นการเรียนรู้ทั้งสิ้น
    16. สร้างวินัยให้แก่ตนเอง
    17. สามารถปรับสภาพให้เข้ากับทุกสภาพสังคมได้
    18. อย่าหวังแต่จะพึ่งสมบัติของพ่อแม่ ควรพึ่งพาตนเองจะดีที่สุด เพราะคนที่อยู่กับเราไปตลอดชีวิตคือตัวเราเอง
    19. ประเทศไทยควรมีมาตรการต่างๆให้กับผู้ลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อคุ้มครองสิทธิละเสรีภาพของคนไทย

    ตอบลบ
  5. นางสาว จันทร์พร แพรชมภู 5901190045 เลขที่ 4 ขอแสดงความคิดเห็นค่ะ
    1.การเข้าใจและเรียนรู้ความต้องการและความสามารถของตนเอง
    2.เมื่อเข้าใจตนเองแล้วหาจุดเด่นของตนเองและกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
    3.มีเป้าหมายแล้ววางแผนว่าเราจะถึงเป้าหมายได้อย่างไร
    4.จากนั้นก็ทำตามแผนที่เราวางไว้จนถึงเป้าหมายและประสบความสำเร็จ
    ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมากว่าเราจะทำได้ย่อมมีอุปสรรคแต่อุปสรรคจะสอนเราให้เติบโตขึ้นและแก้ปัญหาเป็น
    การฝึกฝน ขยัน พากเพียร รับฟังผู้อื่นและอดทนต่อความยากลำบากเป็นสิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ

    ตอบลบ
  6. นางสาวพัชริดา เณราธึก 5901190281 ป้ายเลขที่ 23 เอาคะแนนค่ะ
    1. คนไทยควรรู้จักหน้าที่ของตนเองและหน้าที่ของสังคมควรช่วยเหลือประเทศชาติยึดถือส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
    2. หมั่นศึกษาหาความรู้ เน้นด้านภาษาต่างประเทศเพื่อที่จะสื่อสารกับคนทั่วโลกได้
    3. การที่จะลงมือทำงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งต้องคำนึงถึงอนาคตภายหน้าที่จะมาถึง
    4. จริงจังต่อหน้าที่การงาน และมีความสัมพันธไมตรีที่ดี
    5. ช่วยกันพัฒนาชุมชนหรือประเทศชาติให้มั่นคง
    6. การมีกฏหมายบังคับอย่างเข้มงวด
    7. ไม่ควรอิจฉาผู้อื่นและไมดูถูกคนด้วยกันเอง
    8. ไม่ควรใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์
    9. ควรเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีของสังคม ซื่อสัตย์สุจริตเป็นคนอดทน เข้มแข็ง
    10. มีน้ำใจรักใคร่ปรองดองกัน ไม่ควรเห็นแก่ตัว มีน้ำใจ เคารพความคิดเห็นของกันและกัน

    ตอบลบ
  7. นางสาวนรารัตน์ ไพสิฐพิทักษ์ 5901190205 เลขที่16 เอาคะแนนค่ะ
    สิ่งแรกคนไทยควรจะค้นพบตัวเองก่อนว่าตัวเองถนัดด้านไหนและมุ่งเข้าสู่เป้าหมายและในการที่เราจะเข้าสู่จุดหมายควรเรียนปัจจัยในด้านอื่นที่จำเป็นในปัจจุบันและควรมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองทำให้ผลงานของเราออกมาดีที่สุดและไม่ควรคิดอิจฉาคนอื่นเมื่อเราอาศัยอยู่ในประเทศเดียวควรจะดีใจกับคนที่ได้สิ่งดีๆเพราะสิ่งที่ได้รับเกิดจากการกระทำของตัวเราเอง

    ตอบลบ
  8. นางสาว ฐานิดา อุุยยานุกูล 5901190038 เลขที่ 3 เอาคะแนนค่ะ
    ตามบทความที่ได้อ่านมานั้นก็เป็นจริงอย่างที่บทความได้กล่าวไป หากจะแก้ดิฉันคิดว่าคงต้องแก้หลายด้าน เพราะในเนื้อหาของบทความมองแต่บุคคลชนชั้นกลางที่ไม่ประสบความสำเร้จในชีวิต ซึ้งนั้นเป็นผลมาจากการสึกาาระบบเก่า แบบเดิมๆ ตามหลักสูตรเดิม ซึ้งสิ่งนี้คงต้องแก้ที่กระทรวงที่รับผิดชอบ อีกอย่างคนไทยเป็นคนหูเบา เชื่อคนไง วัฒนธรรมใดที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นก้จะรับไว้หมดจนลืมกำพืดของตัวเอง ดังนั้นควรแก้ไข้ในทุกๆด้านและทุกๆคน สร้างจิตสำนึกด้วยตัวเอง คิดเองในแบบของเรา

    ตอบลบ